Monitor
Monitor
จัดทำโดย เอกมนตรี กระดุมผล
LCD ย่อมาจาก
Liquid Crystal Display มีการพัฒนา อย่างรวดเร็ว
เริ่มจากการนำมาใช้กับเครื่องคิดเลขและนาฬิกาดิจิตอล
หลังจากนั้นก็พัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ
จนนำมาใช้เป็นจอแสดงผล กับคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน
ยุคเริ่มต้นของ LCDในยุกแรก ของ LCD เทคนิควิธีการที่ใช้เป็นแบบ DMS ( Dynamic Seattering Method )และ TN ( Twisted Nematic )
ข้อเด่น ใช้กำลังงานไฟฟ้าต่ำ ใช้แรงดันต่ำ เหมาะสมที่จะใช้งานกับเทคโนโลยี CMOS ส่วนมากในเครื่องคิดเลข นาฬิกา ฯลฯ
ยุคกลาง
ในยุคนี้ เทคโนโลยีที่ใช้เป็นแบบ TN และ GH ( Guest Host )
ข้อเด่นที่ได้ในยุคนี้ก็คือ LCD มีความเชื่อถือสูง มีความคงทน
มีความเข้มคมชัด ความเร็วในการตอบสนองต่อสัญญาณ ไฟฟ้าได้เร็ว
มีการขยายการใช้งานจึงกว้างขวางขึ้น มีการประยุคใช้ในกล้องถ่ายรูป
มือถือ และอุปกรณ์สำนักงานต่างๆ
ยุคปัจจุบัน ยุคที่จะแทน CRT การใช้งานกว้างขวาง
เทคโนโลยีที่ก้าวเข้ามาในยุคนี้คือ การใช้ TFT หรือ Thin Film Transistor
เพื่อสร้างจอภาพแสดงผลแบบแอคตีฟ ข้อดีคือ
สามารถมัลติเพล็กซ์สัญญาณการแสดงผลได้เร็วทำให้จอภาพมีขนาดใหญ่ขึ้น
ราคาถูกลง แสดงสีได้เหมือนธรรมชาติ
การประยุกต์ใช้งานจึงเน้นจำพวกโทรทัศน์จอแบน จอคอมพิวเตอร์ ฯลฯ
อ้างอิง(www.vcharkarn.com)
เทคโนโลยีจอแสดงผล LED Screen
หน้าจอ LED (Light Emitting
Diode)ใช้ระบบการฉายภาพด้วยหลอดไฟขนาดเล็ก
ซึ่งได้มีการนำเทคโนโลยีของหลอดไฟ LED
ไปใช้กับการทำเป็นไฟท้ายรถของรถยนต์ชื่อดังอย่าง Honda อีกด้วย
โดยต้นกำเนิดของการใช้การฉายภาพแบบนี้ก็คือ หลอด LED
จะทำหน้าที่เป็นตัวกำเนิดแสง และมีผลึกคริสตัลที่เป็นของแข็งกึ่งเหลว 3
สีคือสีแดง น้ำเงินและเขียว คอยบิดตัวกันเป็นองศาและเพื่อให้แสงไฟจากหลอด
LED ส่องผ่านมาเพื่อทำให้ฉายออกไปเป็นภาพสีสันที่สวยงามบนหน้าจอได้นั่นเอง
จอ LED เป็นระบบจอแสดงภาพขนาดใหญ่โดยใช้หลักการทำงานของการผสมสีของ LED หลัก3 สี ได้แก่ สีแดง (Red), สีเขียว(Green) และสีน้ำเงิน (Blue) หรือเรียกสั้นๆว่าRGB ให้เกิดเป็นสีต่างๆโดยความละเอียดในการปรับสีของLED แต่ละสีจะถูกควบคุมด้วยสายสัญญาณที่มีขนาดตั้งแต่16 บิตขึ้นไปดังนั้นยิ่งควบคุมด้วยจำนวนสายสัญญาณมากขึ้นก็จะได้ภาพที่มีความลึกของสี (Processing depth) มากขึ้นจึงได้ภาพที่สมจริงยิ่งขึ้น หลักการผสมสีแบบFull Color ส่วนประกอบของหลอด LED
คุณสมบัติเฉพาะของ LED
|
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น